แนวคิด “การค้าปลีกแบบไร้ขอบเขต” (Unbounded Retail) เป็นการวางอนาคตให้แก่การพัฒนาอุตสาหกรรมการค้าปลีก เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยส่งเสริมความเจริญในอุตสาหกรรมการค้าปลีกแล้ว ยังมีส่วนช่วยส่งเสริมนวัตกรรมในอุตสาหกรรมการผลิตอีกด้วย
แต่ทว่าการค้าปลีกแบบไร้ขอบเขต ยังต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ เช่น ความคิดที่แตกต่างกันในแต่ละอุตสาหกรรม อุปสรรคในการโฆษณาและการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ การคุ้มครองผู้บริโภคและการขาดแคลนความเชี่ยวชาญ
โดย “จีน” เป็นประเทศหนึ่งที่มีความตื่นตัว และให้ความสำคัญกับแนวคิดดังกล่าวค่อนข้างมาก ซึ่งจากข้อมูลของ “ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน”(BIC) ประจำกรุงปักกิ่ง” ระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้มีการผลักดันให้เกิดการสร้างสภาพแวดล้อมของนวัตกรรม เพื่อแก้ไขอุปสรรคในด้านการส่งเสริมและการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงการเร่งพัฒนาการผสมผสานกันของธุรกิจออนไลน์-ออฟไลน์ที่ไร้ขอบเขต ขณะที่ กฎหมาย e-Commerce ฉบับใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่1มกราคม 2562ก็จะให้การคุ้มครองแก่ร้านค้าปลีกแบบไร้ขอบเขตตามกฎหมาย
ตัวอย่างบริษัทค้าปลีกออนไลน์ชื่อดังที่ทุกคนคงเคยได้ยินชื่อหรือคุ้นหูกัน ได้แก่ JD ซึ่งเป็นบริษัท e–Commerce ยักษ์ใหญ่ของจีน ที่ร่วมกับร้านค้าปลีกเพื่อขยายการผสมผสานกันระหว่างการค้าออนไลน์และออฟไลน์ ปัจจุบัน JD ได้เข้ามาร่วมทุนกับกลุ่มเซ็นทรัลของไทยเพื่อรุก e-Commerce ในรูปแบบ B2C (Business-to-Consumer) บริษัท JD ขับเคลื่อนด้วยBig Data ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เช่น พัฒนาระบบโลจิสติกส์เพื่อให้แน่ใจว่าจะจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าได้ภายใน 1-2 วัน
ดังนั้น สิ่งที่คนไทยโดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกในไทย จะต้องตระหนัก คือ การตามให้ทัน “โลกยุคใหม่” ที่ต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นในด้านการผลิต การตลาด และการบริหารจัดการ
โดย BIC ได้แนะนำ 3 กลยุทธ์หนุนค้าปลีก ให้แก่ผู้ประกอบการไทย เพื่อปรับตัวให้เข้ากับยุค Thailand 4.0และอีก 5 เคล็ดลับวิธีการผสมผสานการตลาดในรูปแบบ O2O (Online to Offline)ในการโปรโมทธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการค้าปลีกไทย ซึ่งมีดังนี้
3 กลยุทธ์หนุนค้าปลีกให้แก่ผู้ประกอบการในไทย
- หัวใจสำคัญของร้านค้าปลีกคือ “ผู้บริโภค” ความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภคมาเป็นอันดับหนึ่ง ปัจจุบัน ผู้บริโภคเดินทางไปซื้อสินค้าไม่ได้ต้องการเพียงซื้อของเสร็จแล้วกลับบ้าน แต่ยังต้องการไปพักผ่อน อัพเดทเทรนด์ต่าง ๆ ดังนั้นร้านค้าปลีกต้องมีรูปแบบการบริการที่ทันสมัย และปรับเปลี่ยนไปตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคต่าง ๆ อยู่เสมอ
- การตลาดแบบผสมผสานทุกช่องทาง (Omni-Channel) เพื่อเชื่อมประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ และใช้ Big data เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแบบ Personalised เช่น การใช้สมาร์ทโฟนเพื่อโปรโมทและสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว หรือการจัดกิจกรรมอีเว้นท์ต่าง ๆ ตามไลฟ์ไตล์ของผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นการโฆษณาทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยการใช้ Big data ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อผู้บริโภคได้รับความประทับใจก็จะแชร์ไปในโลกโซเชียลให้ผู้อื่นเห็นแล้วอยากมาบ้าง นอกจากนั้น ร้านค้าปลีกควรมีระบบรับรองการจ่ายเงินผ่านมือถือ หรือที่เรียกว่าสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) เพื่อความสะดวกของผู้บริโภค
- มองหาโอกาสเพื่อลงทุนผู้ประกอบการค้าปลีกในไทยเป็นกลุ่มทุนใหญ่มีพร้อมทั้งความเชี่ยวชาญ เงินทุน และบุคลากร ดังนั้นเมื่อรัฐบาลลงทุนโครงการ Mega Project ด้านคมนาคมขนส่ง ก็อาจจะเป็นโอกาสของกลุ่มทุนค้าปลีกของไทยในการไปลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ
5เคล็ดลับในการผสมผสานการตลาดในรูปแบบ O2O
- การจ่ายเงินเพื่อโฆษณาออนไลน์ (Paid Search) เพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์ Offline
- แสดงผลิตภัณฑ์ที่โปรโมท offline บนเว็บไซต์ของตัวเองอย่างชัดเจน โดยต้องมั่นใจว่าราคาที่โปรโมทในโฆษณา ตรงกับราคาบนเว็บไซต์
- ใช้ Social Marketing เพื่อสร้างกระแสให้ผลิตภัณฑ์ Office เช่น ค้นหา Blogger หรือ Twitter ของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง หรือคล้ายกัน เพื่อเข้าร่วมบทสนทนาและเชื่อมโยงไปถึงผลิตภัณฑ์ของคุณ
- ใช้ประโยชน์จากข้อมูล Customer Insight เพื่อวิเคราะหหาวิธ๊สื่อสารให้ตรงใจลูกค้า
- ใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อวิเคราะห์หาความสนใจของลูกค้า โดยพิจารณาจากปริมาณการค้นหาใน Search Engine
ที่มา : GlobThailand.com