Adobe Experience Platform (AEP) เป็นแพลตฟอร์มช่วยแปลงข้อมูลจากหลายช่องทางเพื่อสร้าง Unified Profile ของลูกค้า ทำให้เราสามารถนำไปสร้างประสบการณ์เฉพาะตัวให้กับลูกค้าแต่ละคนได้ และสามารถส่ง Offer ต่างๆ ที่เหมาะสมในหลากหลายช่องทาง
ตัวอย่างการใช้งานจริง สมมติลูกค้าคนหนึ่งมีสถานะเป็น Gold Tier ลูกค้าคนนี้เลือกซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ แต่ไม่ได้กดซื้อหลังจากเอาเข้ามาในตะกร้าสินค้า เราสามารถนำข้อมูลส่วนของสถานะ Gold Tier ที่มาจาก CRM และการทิ้งสินค้าไว้ในตะกร้าซึ่งเป็นข้อมูล Online Behaviour ไปรวมใน AEP เพื่อที่จะสร้าง Offer แนะนำโปรโมชั่นสำหรับ Gold Tier และสินค้าที่ลูกค้าทิ้งไว้ในตะกร้า รวมทั้งสามารถนำเสนอ Offer นี้ให้กับลูกค้า ในกรณีที่ลูกค้าเดินเข้ามาซื้อที่ร้านค้าจริงได้เช่นกัน
แต่ก่อนจะใช้ AEP ทำในสิ่งที่กล่าวมาได้ เราจะต้องสร้าง Real-time Customer Profile ให้ได้เสียก่อน
และก่อนจะสร้าง Real-time Customer Profile ได้ ก็ต้องเริ่มจากทำความเข้าใจกับคอนเซ็ปต์ในการเก็บข้อมูลบน AEP
โครงสร้างข้อมูลที่เป็นแกนหลักของ AEP เรียกว่า Schema ตั้งอยู่บนพื้นฐานของโมเดลที่ชื่อว่า Experience Data Model (XDM) ซึ่งเป็นระบบที่ Adobe สร้างขึ้นมาเอง การนำข้อมูลขึ้นไปเก็บบน AEP เริ่มจากการสร้าง Schema ที่เหมาะสมกับข้อมูล และสร้าง Dataset จาก Schema นั้น เมื่อมี Dataset แล้ว เราจะสามารถนำข้อมูลเข้าไปเก็บใน Dataset ได้ และข้อมูลใน Dataset จะถูกนำไปใช้เป็น Real-time Customer Profile ได้เมื่อทำในขั้นตอนที่จะกล่าวถึงต่อไปในบทความนี้
Schema คือสิ่งที่อธิบายโครงสร้างของข้อมูล เช่น Schema สำหรับการเก็บข้อมูลบุคคล อาจจะมีการระบุว่าต้องประกอบไปด้วยชื่อจริง นามสกุล วันเกิด เป็นต้น ซึ่งการกำหนด Schema ของแต่ละข้อมูล จะช่วยให้ข้อมูลมีมาตรฐาน และสามารถนำไปใช้ผ่านช่องทางต่างๆ ได้อย่างสอดคล้องกัน
ข้อมูลที่จะเก็บใน Schema แบ่งเป็น 3 ประเภท
องค์ประกอบของ Schema คือ Class หลัก รวมกับ Field Group อื่นๆ ตั้งแต่ 0 Field Group ขึ้นไป
Class + Schema Field Group* = XDM Schema
ก่อนจะอธิบายว่า Class หรือ Field Group คืออะไร จะต้องเริ่มจากการอธิบาย Field ก่อน
Field คือ building block พื้นฐานของ Schema ที่เป็นตัวแทนของ single attribute ตัวอย่างเช่น ชื่อจริง อาจจะเก็บใน Field ที่ชื่อว่า firstName มีประเภทของข้อมูลเป็น String
เราสามารถนำ Field หลายอันไปประกอบเป็น Data Type ได้ เช่น เราสร้าง Data Type ที่ชื่อว่า personName จาก Field ที่ชื่อว่า firstName กับ lastName
และเราสามารถนำ Field กับ Data Type ไปสร้างเป็น Field Group ได้ Field Group ที่ถูกสร้างจะสามารถนำไปใช้กับ Schema อื่นๆ ได้
AEP เตรียม Class มาตรฐานสำหรับการสร้าง Schema คือ XDM Individual Profile สำหรับ Record และ XDM ExperienceEvent สำหรับ Time-series
เนื่องจาก Schema มีหลายแบบ และแต่ละ Schema ก็สามารถนำไปสร้าง Dataset ได้อีกไม่จำกัด ก่อนจะนำข้อมูลไปใช้เป็น Real-time Customer Profile จะต้องกำหนดสิ่งที่เรียกว่า Identity โดย Identity คือ Field หนึ่งใน schema ที่สามารถระบุตัวตนได้ เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ CRM ID หรือ Experience Cloud ID
ข้อมูลจาก Dataset ที่แตกต่างกันสามารถเชื่อมโยงกันได้เพื่อสร้าง unified profile จากการ map ระหว่าง Identity
หลังจากที่เรากำหนด Field ทั้งสำหรับสร้าง Schema เสร็จแล้ว จะต้องกำหนด Identity และ Required Field ด้วย เมื่อสร้าง Schema เสร็จ เราสามารถทำให้ Schema นี้ใช้เป็นข้อมูลสำหรับ Real-time Customer Profile ได้โดยการเลือกให้เป็น Profile Enable
ในขั้นตอนต่อไปหลังจากที่เราได้ Schema แล้ว เราสามารถสร้าง Dataset จาก Schema นั้น และนำข้อมูลใส่ใน Dataset ข้อมูลนั้นผ่านช่องทางต่างๆ
ในกรณีที่ Schema นั้นถูกกำหนดให้เป็น Profile Enabled ข้อมูลใน Dataset ที่สร้างจาก Schema นั้นก็จะถูกนำเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งของ Real-time Customer Profile แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ Profile Merge Rule ที่เราเลือกใช้ด้วย
สรุปอีกครั้งสำหรับการสร้าง Schema สิ่งที่เราจะต้องพิจารณาคือ
Reference: Adobe