ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณากฎหมายดิจิทัล 6 ฉบับว่า ขณะนี้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณากฎหมายทั้งหมดใกล้แล้วเสร็จแล้ว และคาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกไม่น่าก็จะเข้าสู่กระบวนการลงมติว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่ต่อไป
อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้ กระทรวงฯกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมพิจารณาแนวทางกำหนดระยะเวลาผ่อนผัน (Grace Period) สำหรับกฎหมายบางฉบับให้กับภาคเอกชน โดยเฉพาะ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดูแลปริมาณข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้เอกชนที่ประกอบธุรกิจที่มีข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก มีเวลาเตรียมตัวในการจัดให้มีระบบดูแลข้อมูลเหล่านี้ที่ยอมรับได้ เนื่องจากต้องยอมรับว่า ในยุคปัจจุบันข้อมูลของทุกคนกระจัดกระจายอยู่บนโลกไซเบอร์ จนทั่วโลกเกิดความตระหนักร่วมกันแล้วว่า ต้องสร้างให้เกิดการดูแล ไม่ให้ข้อมูลเหล่านั้นถูกนำไปใช้ในทางผิด และต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
ทั้งนี้ เนื้อหาใน พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ประเทศไทย ส่วนหนึ่งได้ศึกษาจากกฎหมายในระดับสากล ได้แก่ กฎหมาย GDPR (General Data Protection Regulation) ของสหภาพยุโรป และ APEC Cross-Border Privacy Rules (CBPR) ของความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) และส่วนหนึ่งศึกษาการจัดทำให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย
“ปีนี้คงเป็นปีแห่งกฎหมาย บางฉบับอาจจะเร็วหน่อย บางฉบับอาจจะมี Grace Period ให้ เช่น กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรากำลัง Fight ให้ภาคเอกชนที่จะให้มีระยะเวลาผ่อนผันราว 12 เดือน หรือ 1 ปี แทนที่จะสั้น เนื่องจากเอกชนต้องมีการเตรียมตัว ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเอกชนรายใดทำธุรกิจที่มีข้อมูลลูกค้าหลักพัน หมื่น หรือแสนราย ก็จำเป็นต้องมีระบบดูแลข้อมูลเหล่านี้ที่ยอมรับได้ เช่น มีระบบให้ความยินยอมของลูกค้าต่อข้อมูลส่วนบุคคลที่ชัดเจน โดยเฉพาะในส่วนคำประกาศที่ระบุว่า “ถ้าท่านยินยอม ให้คลิกที่นี่/ใช่” ข้อความส่วนนี้ต้องแสดงไว้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งระบุวัตถุประสงค์การใช้งานข้อมูลลูกค้าด้วย” ดร.พิเชฐ กล่าว
ทั้งนี้สำหรับกฎหมายดิจิทัล 6 ฉบับที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของ สนช. ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security), ร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติมจากฉบับเดิมที่ใช้มานานแล้ว, ร่าง พ.ร.บ. สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์, ร่าง พ.ร.บ.การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) และ ร่าง พ.ร.บ.สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย