ความตื่นตัวเรื่องการปกป้องความเป็นส่วนตัว (Privacy) ของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต ทำให้ผู้พัฒนาเว็บเบราว์เซอร์เจ้าต่าง ๆ ต้องหันมาให้ความสนใจกับเรื่องดังกล่าวมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าคนที่จะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ย่อมหนีไม่พ้นธุรกิจใน Digital Marketing และ Digital Ad ที่ต้องพึ่งพาข้อมูลการท่องเว็บของผู้บริโภคที่เก็บไว้ใน Cookies ของเบราวเซอร์ ในการกำหนดเป้าหมายยิงโฆษณาและแคมเปญการตลาดไปยังผู้บริโภค
โดยช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวอย่างน่าสนใจจาก 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple และ Google เกี่ยวกับการอัพเดตเครื่องมือควบคุมความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานเว็บไซต์ในเว็บเบราว์เซอร์ที่ทั้ง2 ค่ายเปิดให้บริการอยู่ คือ Safari และ Google Chrome
โดยในฝั่งของ Safari นั้น Apple มีการอัพเกรดระบบป้องกันการติดตามอัจฉริยะ หรือ Intelligent Tracking Prevention (ITP) เป็นเวอร์ชัน 2.2 ซึ่งทำให้ความสามารถในการติดตาม Trackingหรือการเข้าถึง Cookies ข้ามเว็บไซต์ของกลุ่มบุคคลที่สามหรือ Third-Party ลดลง
จากรายงานของ ExchangeWire ระบุว่า ITP 2.2 นั้น เป็นการต่อยอดพัฒนาการทำงานของ ITP เวอร์ชันก่อนหน้า โดยมีการจำกัดการติดตามTracking ผู้ใช้งานข้ามเว็บไซต์ของ Third-Party เช่น เครือข่ายโฆษณาในระบบ Digital, Social Media ฯลฯ อย่างเคร่งครัด โดยปรับการเชื่อมโยง URL Query String เช่น Clicks IDs ที่เดิมสามารถวิธีฝังสคริปต์เพื่อตาม Tracking และตรวจสอบกิจกรรมของผู้ใช้งานในเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้
ทั้งนี้ ITP 2.2 ที่มีการอัพเดตใช้งานใน Safari จะยับยั้งความสามารถของสคริปต์เหล่านี้ โดยจำกัดคุกกี้ทั้งหมดจากหน้าเว็บหนึ่ง ๆ ให้สามารถจัดเก็บไว้ได้เพียงวันเดียว หากเว็บนั้น ๆ มีการฝังสคริปต์เพื่อติดตามผู้ใช้งานข้ามเว็บไซต์
ส่วนในฝั่งของ Chrome แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะอัพเดตเครื่องมือดูแลความเป็นส่วนตัวนี้อย่างเต็มระบบเมื่อใด แต่ Google ก็มีคำยืนยันว่าจะมีการเปิดใช้งานเครื่องมือดังกล่าว โดยอย่างน้อยก็จะอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถสั่งบล็อก, ปิดกั้น และควบคุมการเข้าถึง Cookies ของ Third Party ให้เข้มข้นกว่าเว็บเบราว์เซอร์ปัจจุบัน
นอกจากนี้ Google ยังจะมีการยกระดับการใช้ข้อมูล เพื่อปรับเปลี่ยนโฆษณาที่แสดงในเว็บไซต์พันธมิตรผ่านส่วนขยายเบราว์เซอร์โอเพนซอร์ส เพื่อเพิ่มความโปร่งใสของโฆษณา ซึ่งล่าสุดมีการประกาศ “Privacy Sandbox” โดยมีข้อเสนอเกี่ยวกับการเปลี่ยนการทำงานของเบราว์เซอร์ให้รองรับฟีเจอร์ที่อาศัยการติดตามได้แต่ไม่มากเท่ากับทุกวันนี้ รวมถึงข้อเสนอเกี่ยวกับความร่วมมือของผู้ให้บริการเบราว์เซอร์ในการสร้างค่า “กลุ่มความสนใจ” ของผู้ใช้เพื่อแจ้งไปยังผู้แสดงโฆษณาในการกำหนดเป้าหมายแทน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นเพียงไอเดียที่เพิ่งถูกนำเสนอออกมา และยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
ขณะที่การหาทางออกอื่น ๆ เพื่อแก้ลำการขัดขวางการใช้ Cookies นั้น ช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีความพยายามดำเนินการในเรื่องนี้ แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นความพยายามที่สูญเปล่า เพราะต้องเจอกับปัญหาหลายอย่าง เช่น การต้องเจอกับการอัพเดตของผู้ให้บริการเว็บเบราว์เซอร์เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงอย่างไม่หยุดหย่อน หรือแม้แต่วิธีการ Redirect ไปยังหน้าเพจที่ไม่มีพารามิเตอร์ที่สามารถทำได้ แต่ก็อาจสร้างผลกระทบต่อการทำ SEO
ดังนั้นทางออกที่น่าจะเป็นไปได้ของThird-Partyคือ อาจต้องหันมาลงทุนกับการพัฒนาโซลูชั่นที่ไม่จำเป็นต้องใช้หรือใช้Cookies น้อยที่สุด ซึ่งจะมีแนวโน้มที่คุ้มค่ามากกว่า
Source: https://tinyurl.com/yyl5zxea